ข่าวสารเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมชีวภาพ

“พาณิชย์” ชี้เป้าเพิ่มมูลค่ามันสำปะหลัง ทำพลาสติกชีวภาพ อาหารจากพืช บรรจุภัณฑ์กินได้

สนค.ชี้เป้าเพิ่มมูลค่ามันสำปะหลัง นำผลิตพลาสติกชีวภาพ ทดแทนพลาสติก นำต่อยอดผสมในอาหารจากพืช และอาหารฟังก์ชัน และใช้ทำบรรจุภัณฑ์อาหารทานได้ ที่กำลังมีแนวโน้มเติบโต เผยจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอน แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม และเพิ่มราคามันให้กับเกษตรกร
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้ศึกษาศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้ามันสำปะหลังของไทย พบว่ามันสำปะหลังสามารถนำไปเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มได้ในหลายด้าน 1. พลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) มันสำปะหลังสามารถนำมาผลิตพลาสติกชีวภาพที่สนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ด้วยจุลินทรีย์ตามธรรมชาติ ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิต และลดปัญหาขยะพลาสติกที่คงทนหลายร้อยปี ผลิตภัณฑ์ที่ได้สามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมหลากหลาย เช่น การแพทย์ บรรจุภัณฑ์ ยานยนต์ และเกษตรกรรม โดยมีตัวอย่างผลิตภัณฑ์ เช่น ถุงชอปปิ้ง ภาชนะใส่อาหาร ช้อนส้อม หลอด และฟิล์มคลุมดิน ตลาดพลาสติกชีวภาพทั่วโลกในปี 2566 มีมูลค่า 96,600 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเติบโตถึง 1,353,300 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2576 2. อุตสาหกรรมอาหารและสุขภาพ มันสำปะหลังสามารถเป็นส่วนผสมสำคัญในผลิตภัณฑ์อาหารจากพืช (Plant-Based Food) และอาหารฟังก์ชัน (Functional Foods) ซึ่งสอดรับกับกระแสความต้องการบริโภคอาหารเพื่อสุขภาพ โดยเน้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มผู้สูงอายุและแนวคิด "อาหารเป็นยา" โดยอาหารจากพืช (Plant-Based Food) ตลาดทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่า 77,800 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568 และเติบโตเป็น 161,900 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2573 และอาหารฟังก์ชัน (Functional Foods) ผลิตภัณฑ์ที่เสริมวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน และใยอาหาร โดยเฉพาะโพรไบโอติกและพรีไบโอติก คาดว่าตลาดจะมีมูลค่า 268,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2570 3. บรรจุภัณฑ์อาหารทานได้ (Edible Packaging) มันสำปะหลังยังสามารถนำมาผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารที่รับประทานได้ ซึ่งตอบโจทย์ผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันบรรจุภัณฑ์ชนิดนี้นิยมผลิตจากโพลิเมอร์ธรรมชาติ เช่น แป้ง เจลาติน และไขมัน โดยตลาดบรรจุภัณฑ์อาหารทานได้ทั่วโลกในปี 2566 มีมูลค่า 711.09 ล้านเหรียญสหรัฐ และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,193.98 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2575 ไทยเป็นผู้ผลิตมันสำปะหลังอันดับ 3 ของโลก รองจากไนจีเรียและคองโก และเป็นผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังอันดับ 1 ของโลก โดยมีตลาดหลักคือจีน อย่างไรก็ตาม การส่งออกมันสำปะหลังในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2567 ลดลง 17.48% โดยเฉพาะมันเส้นและมันสำปะหลังอัดเม็ด เนื่องจากจีนเพิ่มผลผลิตข้าวโพดซึ่งใช้ทดแทนกันได้ เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้ สนค.ได้ผลักดันการหาตลาดใหม่สำหรับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และส่งเสริมการใช้มันสำปะหลังในการผลิตสินค้ามูลค่าเพิ่ม เช่น พลาสติกชีวภาพ อาหารอนาคต และบรรจุภัณฑ์ทานได้ เพื่อสร้างโอกาสทางการตลาดและเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร "มันสำปะหลังไม่เพียงแต่เป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย แต่ยังมีศักยภาพสูงในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ยุคใหม่ ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสร้างความยั่งยืนในระยะยาว" นายพูนพงษ์กล่าว
mgronline