ข่าวสารเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมชีวภาพ

หนุนแพทย์ใช้ยาสมุนไพร ลดนำเข้ายาต่างประเทศ ตั้งเป้าเพิ่มการใช้ยาสมุนไพรไม่ต่ำกว่า

กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เร่งส่งเสริมให้โรงพยาบาลนำยาสมุนไพรไทยมาใช้แทนยาที่มีอยู่ในปัจจุบันสำหรับ 10 กลุ่มอาการ โดยตั้งเป้าหมายที่จะเพิ่มงบประมาณเป็น 3,000 ล้านบาทภายในปี 2569 นอกจากนี้ยังเตรียมงบประมาณ 60 ล้านบาทเพื่อจ่ายเงินเพิ่มเติมให้กับโรงพยาบาลที่ใช้ยาสมุนไพรแทนยาแผนปัจจุบันใน 5 รายการ ซึ่งจะได้รับรางวัลสูงสุดถึง 200,000 บาท สำหรับแนวทางการเบิกจ่ายบริการแพทย์แผนไทย ยาสมุนไพร และการแพทย์ทางเลือกภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง 30 บาท จะได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2568 นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมความเชื่อมั่นในการใช้ยาสมุนไพรสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ โดยมี นายแพทย์ภูวเดช สุระโคตร รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขและบุคลากรทางการแพทย์จากทั่วประเทศเข้าร่วม นายสมศักดิ์เปิดเผยว่า ปัจจุบันมูลค่าการใช้ยาในระบบสาธารณสุขของรัฐอยู่ที่ประมาณ 70,500 ล้านบาท แบ่งเป็นยาแผนตะวันตก 69,000 ล้านบาท และยาสมุนไพรเพียง 1,500 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ ยาสมุนไพรที่อยู่ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีมูลค่าเพียง 400 ล้านบาทเท่านั้น แม้ว่าจะมีสมุนไพรหลายชนิดที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน รัฐบาลจึงตั้งเป้าหมายให้มูลค่าการใช้ยาสมุนไพรในระบบ สปสช. เพิ่มขึ้นเป็น 1,000 ล้านบาทในปี 2568 และ 3,000 ล้านบาทในปี 2569 เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้ป่วย ลดการนำเข้ายาจากต่างประเทศ และส่งเสริมภูมิปัญญาไทย รมว.สาธารณสุขยังเรียกร้องให้บุคลากรทางการแพทย์เชื่อมั่นและสั่งใช้ยาสมุนไพรในการรักษาผู้ป่วย โดยเฉพาะสมุนไพร 10 รายการที่ใช้รักษา 10 กลุ่มโรคที่พบบ่อย ได้แก่ ยาไพล – บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและข้อ ยาฟ้าทะลายโจร – รักษาไข้หวัดและโควิด-19 ยาขมิ้นชัน – แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ยาเพชรสังฆาต – ช่วยเรื่องท้องผูกและริดสีดวงทวาร ยาขิง – บรรเทาอาการวิงเวียน ยามะระขี้นก – แก้เบื่ออาหาร ยากล้วย – บรรเทาอาการท้องเสีย ยาหอมเทพจิต – ช่วยให้นอนหลับ ยาพริก – แก้อาการชาจากอัมพฤกษ์ อัมพาต ยาว่านหางจระเข้ – ใช้ทาผิวหนังและแผล นอกจากนี้ นายสมศักดิ์ยังยกตัวอย่างสมุนไพร 5 รายการที่สามารถใช้แทนยาแผนปัจจุบันได้ทันที ได้แก่: ครีมไพล – ใช้แทนยาบาล์ม ยาประสะมะแว้ง – ใช้แทนยาแก้ไอ ขมิ้นชันและธาตุอบเชย – ใช้แทนยาขับลม เพชรสังฆาต – ใช้แทนยาเดฟลอน มะขามแขก – ใช้แทนยาไบซาโคดิล เพื่อส่งเสริมการใช้สมุนไพรในโรงพยาบาล รัฐบาลจะจัดสรรงบประมาณสนับสนุนกว่า 60 ล้านบาท รวมถึงการตั้งรางวัลงบประมาณพิเศษให้แก่โรงพยาบาลที่สามารถลดการใช้ยาแผนปัจจุบันใน 5 กลุ่มยาได้ โดยโรงพยาบาลที่ทำได้เร็วจะได้รับรางวัล 200,000 บาท ในขณะที่โรงพยาบาลที่ไม่สามารถดำเนินการได้จะไม่ได้รับรางวัล รมว.สาธารณสุขยังกล่าวถึงแผนการผลักดันสมุนไพรไทยสู่ตลาดต่างประเทศ โดยในปีถัดไป กระทรวงสาธารณสุขจะเริ่มต้นจากการนำยาดมและยาหม่องไปเปิดตลาดในตะวันออกกลางช่วงพิธีฮัจย์ และมุ่งหวังให้มีการขยายการส่งออกสมุนไพรไทยมากขึ้นในอนาคต
thaipost.ne