ข่าวสารเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมชีวภาพ

เปิดตัวฐานข้อมูลจีโนไทป์-ฟีโนไทป์มันสำปะหลัง หนุนการพัฒนาพืชเศรษฐกิจของไทยด้วยความร่วมมือไทย-เยอรมนี

สวทช. ร่วมกับสถาบันวิจัยจากเยอรมนี พัฒนาฐานข้อมูลจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของมันสำปะหลังกว่า 600 สายพันธุ์ ซึ่งนับเป็นหนึ่งในฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดของโลก เพื่อใช้สนับสนุนการปรับปรุงพันธุ์ เพิ่มผลผลิต และเสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น MRI และระบบ VDO box ในการวิเคราะห์การเจริญเติบโตของรากสะสมอาหาร
ไทย–เยอรมัน ร่วมพัฒนาฐานข้อมูลจีโนม–ฟีโนไทป์มันสำปะหลัง หนุนความมั่นคงทางอาหารโลก สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ร่วมมือกับ Institute of Bio- and Geosciences (IBG-2), Forschungszentrum Juelich จากเยอรมนี และหน่วยงานพันธมิตร เปิดตัวฐานข้อมูลขนาดใหญ่ระดับโลกเกี่ยวกับจีโนไทป์และฟีโนไทป์ของมันสำปะหลัง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับปรุงพันธุ์และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืชเศรษฐกิจชนิดนี้อย่างยั่งยืน โครงการความร่วมมือดังกล่าวดำเนินภายใต้ชื่อ “CASSAVASTORE” มุ่งศึกษาข้อมูลพันธุกรรม ลักษณะทางสรีรวิทยา และการเจริญพัฒนาของรากสะสมอาหารในมันสำปะหลังสายพันธุ์ต่างๆ รวมถึงพันธุ์จากต่างประเทศกว่า 600 สายพันธุ์ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับการพัฒนาพันธุ์มันสำปะหลังให้ตอบสนองต่อความต้องการของอุตสาหกรรมและรองรับความท้าทายด้านอาหารในอนาคต งบประมาณโครงการรวมกว่า 62 ล้านบาท แบ่งเป็นการสนับสนุนจากรัฐบาลเยอรมนีราว 803,356 ยูโร (ประมาณ 32 ล้านบาท) สำหรับทีมนักวิจัยจาก Juelich และประมาณ 30 ล้านบาทจาก สวทช. สำหรับทีมนักวิจัยไทย โดยมีระยะเวลาดำเนินงาน 3 ปี ระหว่าง พ.ศ. 2560–2562 ความร่วมมือครั้งนี้ประกอบด้วยหลายหน่วยงานหลักจากทั้งสองประเทศ อาทิ Forschungszentrum Juelich ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ศูนย์วิจัยพืชไร่ระยอง กรมวิชาการเกษตร ดร.กอบกุล เหล่าเท้ง รองผู้อำนวยการไบโอเทค กล่าวว่า โครงการนี้ทำให้ประเทศไทยสามารถรวบรวมข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพันธุ์มันสำปะหลัง ทั้งด้านลักษณะทางพันธุกรรม การแสดงออกทางลักษณะภายนอก และกระบวนการทางสรีรวิทยาที่เกี่ยวข้องกับการสะสมอาหารในราก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้มีคุณค่าสูงต่อการพัฒนาสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตดี ทนทานต่อสภาพแวดล้อมและโรค ในด้านเทคโนโลยี Prof. Dr. Uwe Rascher ตัวแทนจากสถาบัน IBG-2 เปิดเผยว่า เทคโนโลยี Magnetic Resonance Imaging (MRI) ถูกนำมาใช้ร่วมกับระบบ VDO box ที่พัฒนาโดยเนคเทค เพื่อตรวจสอบกระบวนการพัฒนารากของมันสำปะหลังแต่ละสายพันธุ์อย่างละเอียด ช่วยให้นักวิจัยสามารถวิเคราะห์และทำความเข้าใจปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตได้แม่นยำยิ่งขึ้น ดร.ศิษเฎศ ทองสิมา ผู้อำนวยการธนาคารทรัพยากรชีวภาพแห่งชาติ (NBT) สวทช. เสริมว่า ข้อมูลที่ได้จากโครงการนี้ได้จัดเก็บอย่างเป็นระบบไว้ที่ NBT และเตรียมเปิดให้เข้าถึงสำหรับนักวิจัยและผู้พัฒนาพันธุ์พืชทั้งในและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายให้เป็นฐานข้อมูลด้านพันธุกรรมของมันสำปะหลังที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก ขณะเดียวกัน Dr. Tobias Wojciechowski นักวิจัยอาวุโสจากสถาบัน IBG-2 กล่าวว่า ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของงานวิจัยแบบบูรณาการข้ามประเทศ ที่ไม่เพียงส่งเสริองค์ความรู้ด้านเกษตรกรรม แต่ยังช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาสายพันธุ์พืชให้มีความยั่งยืนและรองรับความมั่นคงทางอาหารในระดับโลก ฐานข้อมูล CASSAVASTORE ที่พัฒนาขึ้นนี้จะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการส่งเสริมงานวิจัยและการปรับปรุงพันธุ์พืชของภาคเกษตรทั่วโลก ทั้งในแง่ของการเพิ่มผลผลิต การปรับตัวต่อสิ่งแวดล้อม และการยกระดับอุตสาหกรรมเกษตรของไทยสู่สากล.
ryt9