ข่าวสารเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมชีวภาพ

กลุ่มพูลผลและกลุ่มบริษัท เอสเอ็มเอส เปิดโรงงานผลิตหลอดพลาสติกชีวภาพ

กลุ่มพูลผล ร่วมกับกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส เปิดตัวโรงงานผลิตหลอดพลาสติกชีวภาพภายใต้แบรนด์ TAPIOPLAST® เดินหน้าขยายผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม Bioplastic เพื่อตอบสนองแนวโน้มรักษ์โลก ตอกย้ำบทบาทผู้นำด้านนวัตกรรมวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และผลักดันสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนในอนาคต
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 บริษัท สยาม มอดิฟายด์ สตาร์ช จำกัด ในเครือกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส ได้จัดพิธีเปิดโรงงานผลิตหลอดพลาสติกชีวภาพภายใต้แบรนด์ TAPIOPLAST® อย่างเป็นทางการ โดยผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มรักษ์โลก และสนับสนุนนโยบายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของบริษัท ซึ่งมีเป้าหมายสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) เพื่อสร้างรากฐานของความยั่งยืนในระยะยาว ดร.วีรวัฒน์ เลิศวนวัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส เปิดเผยว่า โรงงานแห่งใหม่นี้ครอบคลุมพื้นที่ 100 ตารางเมตร ตั้งอยู่ภายในบริเวณเดียวกับโรงงานผลิต TAPIOPLAST® เดิม ที่อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี มีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 400,000 เส้นต่อวัน หรือเทียบเท่า 12 ล้านเส้นต่อเดือน โดยเน้นผลิตภัณฑ์หลอดชีวภาพที่ย่อยสลายได้ทางธรรมชาติ เช่น หลอดตรง หลอดงอ หลอดช้อน และหลอดชาไข่มุก ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 6 มม. ถึง 12 มม. กลุ่มเป้าหมายหลักของผลิตภัณฑ์นี้ ได้แก่ ภาคธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ และบริการจัดเลี้ยง (Horeca) ที่มุ่งส่งเสริมภาพลักษณ์ด้านสิ่งแวดล้อม ตลอดจนผู้บริโภคทั่วไปที่ใส่ใจในปัญหาขยะพลาสติก บริษัทตั้งเป้าให้กำลังการผลิตของโรงงานสามารถตอบสนองความต้องการตลาดได้ในระดับ 80% ภายใน 5 ปีข้างหน้า พร้อมขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มผู้บริโภคปลายทาง ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนผ่านจากการเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบอุตสาหกรรมสู่การนำเสนอผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปโดยตรง TAPIOPLAST® ถือเป็นนวัตกรรมพลาสติกชีวภาพที่พัฒนาโดยคนไทย โดยใช้แป้งมันสำปะหลังเป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งกลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส นับเป็นผู้บุกเบิกในประเทศที่ผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพจากแป้งมันสำปะหลังดัดแปร ภายใต้เครื่องหมายการค้าเดียวกัน โดยมีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ได้แก่ ถุงขยะ ถุงหูหิ้ว ฟิล์มคลุมดิน ฯลฯ ทั้งนี้ ตลาดพลาสติกชีวภาพทั่วโลกยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมีสัดส่วนประมาณ 1% ของตลาดพลาสติกทั้งหมด แต่แนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากแรงผลักดันด้านสิ่งแวดล้อมและนโยบายรัฐทั่วโลก โดยคาดว่าจากปริมาณผลิต 2.2 ล้านตันในปี 2565 จะเพิ่มขึ้นเป็น 6.29 ล้านตันในปี 2570 และบริษัทวางเป้าหมายให้ TAPIOPLAST® ครองส่วนแบ่งตลาด 10% ภายในปี 2573 ดร.วีรวัฒน์ เน้นย้ำว่า การขยายธุรกิจสู่ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่พร้อมใช้งาน ไม่เพียงแต่ช่วยให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่ยังสนับสนุนแนวคิด BCG Economy ที่รวมมิติของเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียวเข้าด้วยกัน เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับประเทศและสากล ปัจจุบัน กลุ่มบริษัท เอส เอ็ม เอส มีโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังดัดแปรทั้งหมด 3 แห่ง ตั้งอยู่ที่จังหวัดปทุมธานี ชัยภูมิ และบุรีรัมย์ รวมกำลังการผลิตกว่า 400,000 ตันต่อปี ถือเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยผลิตภัณฑ์ของบริษัทได้ถูกนำไปใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งอาหาร กระดาษ สิ่งทอ กาว วัสดุก่อสร้าง และพลาสติกชีวภาพ ตอกย้ำบทบาทในฐานะผู้นำที่สร้างคุณค่าเพิ่มจากวัตถุดิบทางการเกษตรของไทยอย่างแท้จริง
matichon