หน้าหลัก
บริการข้อมูล
นำเข้าส่ง - ส่งออก
อุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพ
อุตสาหกรรมเคมีชีวภาพ
อุตสาหกรรมชีวเภสัชภัณฑ์
ห้องปฏิบัติการ
กฎ ระเบียบ มาตรการและนโยบาย
กฎ ระเบียบ
นโยบาย มาตรการ
มาตรฐานผลิตภัณฑ์ชีวภาพ
ข่าวสารเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมชีวภาพ
บทวิเคราะห์
Value Chain
อ้อย
มันสำปะหลัง
ปาล์มน้ำมัน
ข้าว
ข้าวโพด
กัญชาและกัญชง
สับปะรด
กาแฟ
โกโก้
ขมิ้น
ฟ้าทะลายโจร
Supply Chain
การศึกษาห่วงโซ่อุปทานของผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ
พอลิแลคติคแอซิด (PLA)
TPS
พอลิไฮดรอกซีอัลคาโนเอท (Polyhydroxyalkanoates หรือ PHAs)
พอลิบิวทิลีนอะดิเพทเทเรฟทาเลท (Polybutylene Adipate Terephthalate หรือ เรียกโดยย่อว่า PBAT)
พลาสติกชีวภาพ: พอลิบิวทิลีนซัคซิเนต (Polybutylene succinate: PBS)
การศึกษาห่วงโซ่อุปทานของผลิตภัณฑ์เคมีชีวภาพ
กรดอะมิโน
กรดอินทรีย์
เอนไซม์ (Enzyme)
กรดแลคติก (Lactic acid)
การศึกษาห่วงโซ่อุปทานของผลิตภัณฑ์ชีวเภสัชภัณฑ์
วัคซีน
Monoclonal Antibody
Recombinant Hormones
ยาปฏิชีวนะ (antibiotic)
โพรไบโอติก (Probiotics)
บทวิเคราะห์เชิงลึก
บทวิเคราะห์เชิงลึกเรื่อง การศึกษายุทธศาสตร์
บทวิเคราะห์เชิงลึก “แนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพไทย เตรียมพร้อมสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมชีวภาพของอาเซียน”
บทวิเคราะห์เชิงลึก การศึกษาและวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีความต้องการสูงในตลาดเอเชียและการส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่สอดรับกับความต้องการของตลาด
บทวิเคราะห์เชิงลึก การศึกษาข้อมูลการประเมินวัฏจักรชีวิตและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ชีวภาพเพื่อวางแนวทางการปรับปรุงการผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพให้บรรลุตามเป้าหมาย ‘Net Zero’
บทวิเคราะห์เชิงลึกการเจาะตลาดอุตสาหกรรมพลาสติกชีวภาพสู่การรับรองผลิตภัณฑ์ฮาลาลของประเทศมุสลิมในอาเซียน
Green Tax Expense Approval Report
สมัครสมาชิก
เข้าสู่ระบบ
ข่าวสารเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมชีวภาพ
Home
Bio Innovation Linkage
สมุนไพรไทย"โอกาส"ผู้ประกอบการไทย" ต่อยอดเชิงพาณิชย์ สู่ตลาดสากล
เนื้อเรื่อง :
ตลาดสมุนไพรโลกมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยถือเป็นตลาดค้าปลีกสมุนไพรที่มีมูลค่าสูงติดอันดับ 10 ของโลก สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจที่สำคัญ แม้ไทยจะมีความได้เปรียบด้านความหลากหลายของสมุนไพร แต่ยังคงเป็นผู้นำเข้าสุทธิของวัตถุดิบหลัก เช่น พืชสมุนไพร สารสกัด และน้ำมันหอมระเหย ดังนั้น โอกาสของผู้ประกอบการไทยอยู่ที่การพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นร่วมกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีมูลค่าเพิ่มและแข่งขันได้ในระดับสากล ขณะเดียวกัน ภาครัฐยังได้สนับสนุนการยกระดับสมุนไพรไทยผ่านแคมเปญ “Think Wellness Think Thai Herb” เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในตลาดโลก
เนื้อหา :
“สมุนไพร” นับเป็นหนึ่งในทางเลือกสำคัญในการดูแลสุขภาพและการรักษาโรค โดยเฉพาะ “สมุนไพรไทย” ที่ได้รับการยอมรับทั้งในด้านคุณภาพและสรรพคุณทางยา ส่งผลให้เป็นที่ต้องการในตลาดต่างประเทศและถือเป็นโอกาสเชิงธุรกิจที่สำคัญของผู้ประกอบการไทย ข้อมูลจาก Euromonitor ระบุว่า ในปี 2567 มูลค่าตลาดค้าปลีกสมุนไพรทั่วโลกสูงถึง 60,589.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 4.6% จากปีก่อน และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจนแตะ 78,395.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2572 โดยตลาดค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน (19,569.3 ล้านดอลลาร์) สหรัฐฯ (9,809.5 ล้านดอลลาร์) ญี่ปุ่น (2,953.7 ล้านดอลลาร์) เกาหลีใต้ (2,679.2 ล้านดอลลาร์) และเยอรมนี (2,159.9 ล้านดอลลาร์) ส่วนไทยมีมูลค่าตลาด 1,265.6 ล้านดอลลาร์ เติบโต 7.1% จากปีก่อนหน้า อยู่อันดับที่ 10 ของโลก ทั้งยังมีมูลค่าตลาดสมุนไพรภายในประเทศกว่า 44,800 ล้านบาท นาย พูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สินค้าสมุนไพรทั่วโลกแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ พืชสมุนไพร สารสกัดสมุนไพร และน้ำมันหอมระเหย ซึ่งมีการค้าเติบโตต่อเนื่อง แต่ประเทศไทยยังคงเป็นผู้นำเข้าสุทธิในทุกกลุ่ม พืชสมุนไพร : การส่งออกทั่วโลกมูลค่า 4,562.8 ล้านดอลลาร์ ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 4,500 ล้านดอลลาร์ ประเทศไทยส่งออก 18.5 ล้านดอลลาร์ แต่นำเข้า 30.2 ล้านดอลลาร์ ขาดดุล 11.7 ล้านดอลลาร์ สารสกัดสมุนไพร : การส่งออกทั่วโลกมูลค่า 8,345.2 ล้านดอลลาร์ นำเข้า 7,955.7 ล้านดอลลาร์ ไทยส่งออกเพียง 11.5 ล้านดอลลาร์ แต่นำเข้าสูงถึง 140.7 ล้านดอลลาร์ ขาดดุล 129.2 ล้านดอลลาร์ น้ำมันหอมระเหย : การส่งออกทั่วโลกมูลค่า 6,381.2 ล้านดอลลาร์ นำเข้า 6,325.1 ล้านดอลลาร์ ไทยส่งออก 20 ล้านดอลลาร์ แต่นำเข้า 36.9 ล้านดอลลาร์ ขาดดุล 16.9 ล้านดอลลาร์ ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนว่า แม้ไทยมีความหลากหลายของสมุนไพร แต่ยังต้องพึ่งพาการนำเข้า โดยเฉพาะสารสกัดซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรม เนื่องจากกระบวนการผลิตมีความซับซ้อนและต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ขณะเดียวกัน มูลค่าการส่งออกสมุนไพรไทยยังมีสัดส่วนไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดโลก แม้ไทยจะมีจุดแข็งในด้านการนำสมุนไพรไปใช้ในผลิตภัณฑ์ขั้นปลาย เช่น อาหารและเครื่องดื่ม อาหารเสริม ยา เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สปา และดูแลสุขภาพ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านระบบพิกัดศุลกากร ทำให้ไม่สามารถจัดเก็บมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้งหมดได้ครบถ้วน หน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะกรมศุลกากร จึงอยู่ระหว่างจัดทำ พิกัดรหัสสถิติสมุนไพร เพื่อให้สามารถติดตามมูลค่าการค้าระหว่างประเทศได้อย่างถูกต้องและใช้เป็นข้อมูลในการกำหนดนโยบายสนับสนุนสมุนไพรไทยในอนาคต นายพูนพงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า สมุนไพรไทยไม่เพียงเป็น “มรดกภูมิปัญญา” ของชาติ แต่ยังสามารถต่อยอดสู่การเป็น พืชเศรษฐกิจมูลค่าสูง ประเทศไทยมีความได้เปรียบจากความหลากหลายทางชีวภาพ มีสมุนไพรที่ใช้ประโยชน์แล้วกว่า 2,000 ชนิด และตำรับยาแผนไทยที่บันทึกไว้กว่า 16,000 ตำรับ หากสามารถบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นเข้ากับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการออกแบบเชิงสร้างสรรค์ จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้สมุนไพรไทย กลายเป็น ซอฟต์พาวเวอร์ ที่สอดคล้องกับกระแสผู้บริโภครุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพ สิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน เพื่อสนับสนุนการยกระดับสมุนไพรไทย กระทรวงพาณิชย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประกาศใช้ Key Message “Think Wellness Think Thai Herb – คิดถึงสุขภาพ คิดถึงสมุนไพรไทย” ในการประชาสัมพันธ์และสร้างการรับรู้ในตลาดโลก เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ สร้างความเชื่อมั่น และผลักดันอุตสาหกรรมสมุนไพรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ อุตสาหกรรมสมุนไพรไทยมีบทบาทเชื่อมโยงทั้งเศรษฐกิจฐานราก ภูมิปัญญาวัฒนธรรม ภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และธุรกิจบริการด้านสุขภาพ จึงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย และเปิดโอกาสใหม่ให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการไทยในตลาดโลก.
แหล่งข้อมูล :
bangkokbiznews
URL :
อ่านข่าวฉบับเต็มได้ที่นี่ >>> Click
<<<