ข่าวสารเคลื่อนไหวในอุตสาหกรรมชีวภาพ

มช. MOU วิโนน่า อินเตอร์เนชั่นแนล งานวิจัยสารสกัดถั่วเหลือง ชูขับเคลื่อนนวัตกรรมสุขภาพสู่สังคม ชิงส่วนแบ่งตลาดปีละ 1,000 ล้าน

ช. ลงนาม MOU และอนุญาตสิทธิเทคโนโลยีสารสกัดถั่วเหลืองแก่บริษัท วิโนน่า อินเตอร์เนชั่นแนลฯ พัฒนาผลิตภัณฑ์สุขภาพ มุ่งต่อยอดงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ และสร้างโอกาสให้นักวิจัย-นักศึกษาได้พัฒนาทักษะนวัตกรรม
วันที่ 1 กันยายน 2568 ที่อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ภาคเหนือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ศ.ดร.นพ.พงษ์รักษ์ ศรีบัณฑิตมงคล อธิการบดี มช. ผศ.ดร.ธัญญานุภาพ อานันทนะ รองอธิการบดีด้นนวัตกรรม มช.รศ.ดร.นพ.ศุภนิมิต ทีฆชุณหเถียร หัวหน้าศูนย์วิจัยทางคลีนิคเพื่อทดสอบและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารและสมุนไพร มช. นายอิทธิพล ศรีอิทยาจิต กรรมการบริษัทซิโนน่า อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แถลงข่าวการอนุญาตให้ใช้สิทธิเทคโนโลยี (Licensing) ผลิตภัณฑ์สารสกัดถั่วเหลืองในรูปแบบชนิดเม็ดรับประทานและรูปแบบครีมทาภาย นอก แก่บริษัท วิโนน่า อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง มช.กับบริษัทฯ เพื่อยกระดับการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านสุขภาพให้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงในภาคอุตสาหกรรมและสังคม มีผู้บริหารคณาจารย์ นักวิจัย นักวิชาการเพื่อสุขภาพ เข้าร่วมกว่า 50 คน ภายในงาน มีการบรรยายเบื้องหลังความสำเร็จ “เส้นทางวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมจากสารสกัดถั่วเหลือง สู่การใช้ประโยชน์ และเวทีเสวนา พลิกโฉมนวัตกรรมสุขภาพด้วยความร่วมมือ หัวข้อ “มหาวิทยาลัย-ภาคเอกชน กับทบาทการสร้างนวัตกรรมที่ใช้ได้จริง” จากผู้เชี่ยวขาญ นักวิจัย และผู้ประกอบการดังกล่าว ก่อนมีพิธีการอนุญาตใช้ใช่สิทธิ และพิธีลงนาม MOU ตามลำดับ ศ.ดร.นพงษ์รักษ์ กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าว มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงสังคมไทยในอนาคต โดยเฉพาะในกลุ่มประชากรสตรีวัยทองและผู้สูงอายุ รวมถึงการสร้างโอกาสให้กับบุคลากรของมหาวิทยาลัย ให้สามารถพัฒนาทักษะและต่อยอดองค์ความรู้ ผ่านทำงานร่วมกับภาคเอกชน พร้อมส่งเสริมนักศึกษาผ่านกิจกรรมสหกิจศึกษาเน้นการเรียนรู้จากประสบการณ์ตรง เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ มหาวิทยาลัย ได้ให้ความสำคัญกับบทบาทการเป็นฟันเฟืองพัฒนาประเทศด้วยนวัตกรรม พร้อมสนับสนุนการทำงานของบุคลากรตั้งแต่งานวิจัยขั้นพื้นฐานจนถึงส่งต่อไปยังภาคเอกชน เพื่อรับไม้ต่อการใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโจทย์วิจัยที่มาจากภาคเอกชน ยิ่งทำให้มีความชัดเจน ในการเตรียมคณะผู้วิจัย และแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อสนับสนุน อำนวยความสะดวก บริหารจัดการให้เกิดผลสัมฤทธิ์อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และเป็นจุดเริ่มต้นของการเสริมสร้างและพัฒนาศักยภาพทางด้านวิชาการ การวิจัย และบุคลา กร เพื่อสร้างองค์ความรู้ใหม่ ให้สอดคล้องกับความต้องการ เป็นแบบอย่างที่ดีของการพัฒนานวัตกรรมของมหาวิทยาลัย ซึ่งแนวทางวิจัย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องสุขภาพ สิ่งแวดล้อม อนุรักษ์พลังงาน นวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและกระจายรายได้สู่ชุมชน นายอิทธิพล กล่าวว่า ความร่วมมือดังกล่าว ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ เพื่อนำนวัตกรรมจากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยสู่การใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมและเชิงพาณิชย์ โดยเชื่อมั่นในกระบวนการวิจัยและพัฒนาจากทีมวิจัยของมหาวิทยาลัย ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนต่อยอดผลิตภัณฑ์จากการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคในกลุ่มสตรีที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป กลุ่มผู้สูงอายุ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรกลุ่มใหญ่ในอนาคต โดยมีกรอบความร่วมมือดังกล่าว 10 ปี ส่วนผลตอบแทนให้มหาวิทยาลัยนั้น ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ และสัดส่วนตลาดผู้บริโภคคาดตลาดมีมูลค่ากว่า 1,000ล้านบาท/ปี ด้าน ผศ.ดร. ธัญญานุภาพ กล่าวว่า มช. มีกลไกในการขับเคลื่อนนวัตกรรมทั้งทางด้านสุขภาพและด้านอื่นอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การสนับสนุนการวิจัยและพัฒนา เพื่อส่งเสริมให้คณาจารย์สร้างสรรค์ผลงานที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาด การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาตามกฎหมาย การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ทั้งในรูปแบบการอนุญาตให้ใช้สิทธิ การจัดตั้งบริษัท Tech Spin-Off ผ่านกลไกบริษัท อ่างแก้วโฮลดิ้ง จำกัด การจัดสรรผลประโยชน์กลับคืนสู่ผู้วิจัยเพื่อเป็นแรงผลักดันในการสร้างสรรค์ผลงานใหม่ ๆ ตลอดจนการส่งเสริมการใช้ผลิตภัณฑ์จากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเพื่อเป็นข้อมูลอ้างอิงและสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้งานทั่วไป
talknewsonline